กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ เป็นหลักการพื้นฐานของการตรวจสอบและเสาะหาความรู้ใหม่แบบวิทยาศาสตร์ ที่ใช้หลักฐานทางกายภาพ นักวิทยาศาสตร์เสนอความเชื่อใหม่เกี่ยวกับโลกในรูปของทฤษฎีที่ผ่านขั้นตอนของ การสังเกต, การตั้งสมมติฐาน, และการอนุมาน ผลการทำนายของทฤษฎีเหล่านี้จะถูกทดสอบด้วยการทดลอง ถ้าผลการทำนายนั้นถูกต้องหรือสอดคล้องกับการทดลอง ทฤษฎีดังกล่าวจะถูกเก็บไว้ ทฤษฎีที่ความน่าเชื่อถือจะถูกนำไปทดลองซ้ำเพื่อยืนยันความถูกต้องเพิ่มเติม ระเบียบวิธีนี้ถูกจัดให้เป็นตรรกะสำคัญของธรรมเนียมปฏิบัติทางวิทยาศาสตร์ โดยสาระสำคัญนั้นระเบียบวิธีทางวิทยาศาสตร์คือวิธีการที่รอบคอบมาก สำหรับสร้างความเข้าใจ ที่มีหลักฐานและยืนยันได้เกี่ยวกับโลก
วิทยาศาสตร์ ยอมรับการเปลี่ยนแปลงแก้ไขได้ เมื่อมีการค้นคว้าหลักฐานเพิ่มเติมเพื่อมาหักล้างความรู้เดิม เช่น เมื่อก่อนเราเชื่อว่าโลกแบน แต่เมื่อเวลาผ่านไป ก็มีการนำเสนอหลักฐานการค้นพบใหม่ ๆ ทำให้ความคิดที่ว่าโลกแบน เวลาเดินตรงไปเรื่อย ๆ อาจจะตกขอบโลก ถูกแทนที่ด้วยความรู้ใหม่ทีว่า โลกกลม
วิทยาศาสตร์ไม่เคยบอกว่าสิ่งใด ไม่มี มีแต่พยายามจะหาหลักฐานมาพิสูจน์ให้สิ่งที่คิดว่า มี นั้น สุดท้ายวิทยาศาสตร์ เป็นการค้นหาความรู้ความเป็นจริงจากธรรมชาติ โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ดังนั้นเห็นด้วยว่า ยังมีอีกหลายอย่างที่วิทยาศาสตร์ยังค้นไม่พบ แต่ทุกสิ่งที่ค้นพบนั้นมีหลักฐานที่ตรวจสอบ ทำซ้ำ และแสดงให้เห็นเชิงประจักษ์ได้
ดังนั้น พัฒนาการของกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ เป็นส่วนหนึ่งของพัฒนาการของวิทยาศาสตร์ ในลักษณะที่ไม่สามารถแยกออกจากกันได้ วิทยาศาสตร์ไม่เคยบอกว่าสิ่งใด ไม่มี มีแต่พยายามจะหาหลักฐานมาพิสูจน์ให้สิ่งที่คิดว่า มี นั้น สุดท้ายวิทยาศาสตร์ เป็นการค้นหาความรู้ความเป็นจริงจากธรรมชาติ โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ดังนั้นเห็นด้วยว่า ยังมีอีกหลายอย่างที่วิทยาศาสตร์ยังค้นไม่พบ แต่ทุกสิ่งที่ค้นพบนั้นมีหลักฐานที่ตรวจสอบ ทำซ้ำ และแสดงให้เห็นเชิงประจักษ์ได้
กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ มีความสําคัญอย่างไรต่อการสร้างเทคโนโลยี
ตอบลบ